Melody Of Life ต้นแบบเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองที่เปลี่ยนลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ดเป็นเวทีคอนเสิร์ตพร้อมอัดแน่นไปด้วยความสนุกและรักษ์โลกไปในงานเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นงานแรกที่เปิดให้ทุกคนได้เข้าร่วมงานแบบไม่ต้องเสียค่าเข้าชมจากความร่วมมือกันระหว่างบริษัท SPICYDISC และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด ซึ่งถูกจัดครั้งแรกในวันที่ 29 กันยายน – 1 ตุลาคม 2549 ทั้งหมด 3 วันด้วยกัน โดยมีวัตถุประสงค์ที่อยากให้งานเมโลดี้ออฟไลฟ์ เป็นสื่อกลางในการกระจายความรู้ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแยกขยะเพื่อการนำรียูสใช้ใหม่, การลดใช้พลาสติกเพื่อลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อน ลดการเสื่อมโทรมของดินลดการอุดตันในทางระบายน้ำส่งผลให้ลดปัญหาน้ำท่วม รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ถึงการร่วมดูและรักษาสิ่งแวดล้อมให้อยู่กับเราได้อย่างยั่งยืน

ซึ่งไม่ได้มีเพียงเรื่องของสาระเท่านั้น ภายในงานยังประกอบไปด้วยความสนุกของคอนเสิร์ตจากศิลปินทุกจากไทยและต่างประเทศถึง 3 เวที รวมกว่า 100 ศิลปินที่ตบเท้ามาร่วมงาน ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากแฟนเพลงอย่างเนืองแน่นแบบเต็มทุกพื้นที่ และในปีต่อๆ มาทางสไปร์ซซี่ ดิสก์ ในฐานะผู้จัดงานได้ปรับเปลี่ยนธีมงานให้มีความสนุกยิ่งขึ้น รวมถึงเปิดพื้นที่ให้ศิลปินไม่จำกัดค่ายเพลงทั้งศิลปินดัง, ศิลปินอินดี้ จนไปถึงศิลปินอิสระ ได้มีพื้นที่ในการแสดงความสามารถในงานนี้ ไม่เพียงเท่านั้นภายในงานยังมีตลาดขายของมือสองจากศิลปิน – คนดัง, สินค้าจากค่ายเพลง ให้ได้เลือกซื้อกันอย่างใกล้ชิด และด้วยกระแสตอบรับที่ดีเมโลดี้ ออฟ ไลฟ์ กลายมาเป็นเทศกาลดนตรีประจำปีที่ทุกคนต่างตั้งตารอชมมาอย่างต่อเนื่องกว่า 18 ปี!

ซึ่งกิจกรรมหลักของงานนั้นแบ่งออกเป็น 4 อย่างนั่นก็คือ คอนเสิร์ต จากศิลปินมากมายจากหลากหลายค่ายสลับขึ้นมามอบความสุขตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงสี่ทุ่ม โดยแบ่งเวทีออกเป็น 4 เวทีนั่นคือ INDOOR, OUTDOOR, INDY, IDOL ที่พร้อมส่งความสนุกให้กับทุกคน นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้น้องๆ นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการออกแบบ KV หลักของงานและออกแบบเวทีภายใต้คอนเซ็ปที่ทางผู้จัดงานกำหนด ผลงานที่ได้รับเลือกจะได้ขึ้นโชว์ในงาน Melody of life ในพาร์ทของ ศิลปะ ตลอดจนการค้นหาศิลปินหน้าใหม่ที่มีฝีมือและต้องการพื้นที่สำหรับการโชว์ความสามารถบนเวทีนี้เช่นกัน

อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นวัตถุประสงค์หลักของงานนั่นก็คือได้ร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งในทุกปีทางผู้จัดงานได้มุ่งเน้นถึงความสำคัญในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรีไซเคิลวัสดุที่ใช้แล้วไม่ว่าจะเป็น ขวดน้ำพลาสติก, เศษผ้าที่เหลือใช้ ฯลฯ ให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือจะเป็น Carbon Neutral ผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายในงานและนำรายได้จากการทำกิจกรรมไปบริจาคให้โครงการปลูกป่าร่วมกับมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนและช่วยเพิ่มลมหายใจให้กับโลกนี้ได้ดำรงอยู่ต่อไป ซึ่งทั่วบริเวณที่จัดงานยังมีการตั้งคัดแยกขยะก่อนทิ้งเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

และอีกสิ่งที่เหมือนเป็นแลนมาร์คอีกหนึ่งจุดของ Melody of life นั่นก็คือ ตลาดขายของมือสองที่รวบรวมร้านค้าต่างๆ ทั้งจากศิลปิน, อิฟูเรนเซอร์, ประชาชนทั่วไป มาตั้งแผงขายสินค้าตลอดจนค่ายเพลงต่างๆ ก็มาร่วมนำสินค้าจากศิลปินในสังกัดมาจำหน่ายด้วยเช่นกัน โดยในปี 2024 เทศกาล Melody of life มาในคอนเซปต์ The Earth Breaths ที่หมายถึงการการช่วยซัพพอร์ตให้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกนี้ได้มีลมหายใจต่อไป มาพร้อมกับดนตรีที่เป็นเสมือนเสียงเพลงที่มีชีวิตให้กับทุกคนได้มาร่วมเอนจอยกับศิลปินที่ชื่นชอบและได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมายที่ส่งต่อลมหายใจให้กับสิ่งต่างๆ ได้ยังมีความสุขต่อไป